Easy & Save เป็นบริษัทตัวแทน TOYOTA Rent a Car แห่งแรกในไทย โดยให้บริการรองรับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง โดยเฉพาะบริการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น โดยสามารถเลือกเช่ารถญี่ปุ่นได้กว่า 40 รุ่น ตั้งแต่รถราคาประหยัดสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก รถสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่บรรทุกสัมภาระได้มาก ไปจนถึงรถสปอร์ตและรถมีระดับสำหรับนักธุรกิจ หรือคู่รักที่ต้องการความหรูหราระหว่างมาฮันนีมูน การเช่ารถในญี่ปุ่นจาก Easy & Save สามารถจองได้ที่ไทย และรับ-คืนรถได้ทั่วญี่ปุ่น ลูกค้าจะได้รับปรึกษาอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญด้านการให้เช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ทั้งวิธีการขับรถ ค่าใช้จ่าย และการวางแผนการเดินทางในญี่ปุ่น ที่สำคัญไม่ต้องกังวลหากเกิดปัญหาขึ้น เพราะมีบริการช่วยเหลือเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางช่องต่างๆ เป็นภาษาไทย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาในด้านการสื่อสารเกิดขึ้น Easy & Save ยังมีบริการด้านที่พักที่ญี่ปุ่น ทั้งอพาร์ทเมนต์และบ้าน, ตั๋วรถไฟ JR PASS สำหรับการเดินทางที่ราบรื่น, บัตรสวนสนุก สำหรับเข้าสวนสนุกชื่อดังมากมาย เช่น LEGO LAND, SANRIO PURO LAND, TOKYO DISNEY SEA เป็นต้น รวมทั้ง แพ็คเกจเที่ยวเอง เช่น ทัวร์เล่นกอล์ฟ ทัวร์รถตู้พร้อมคนขับ รวมถึงตั๋วเครื่องบินจากสายการบินต่างๆ เช่น ออล นิปปอน แอร์เวย์, เจแปน แอร์ไลน์, เมียนมาร์ เนชั่นแนล แอร์ไลน์ และการบินไทย นอกจากนี้ยังมีบริการประกันภัยการเดินทางในต่างประเทศที่จะทำให้การเที่ยวของคุณอบอุ่นใจไร้กังวลมากขึ้น
HOKKAIDO ขับรถเที่ยวฤดูร้อน 4 วัน 3 คืน
วันที่ 1 ออกจากสนามบิน Chitose
วันที่ 2 ออกจากที่พักแถว Yubari
ที่พักแถว Yubari >>> ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที <<< โรงงานผลิตชีส >>> ขับรถประมาณ 21 นาที <<< ฟาร์มโทมิตะ >>> ขับรถประมาณ 32 นาที <<< บ่อน้ำสีฟ้า >>> ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 28 นาที <<< นอนพัก Kamikawa
วันที่ 3 ออกจากที่พักแถว Kamikawa
ที่พักแถว Kamikawa >>> ขับรถประมาณ 6 นาที <<< พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง >>> ขับรถประมาณ 41 นาที <<< สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า >>> ขับรถประมาณ 15 นาที <<< หมู่บ้านราเมน >>> ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 57 นาที <<< หอนาฬิกา >>> ขับรถประมาณ 3 นาที <<<นอนพัก Sapporo
วันที่ 4 ออกจากที่พักแถว Sapporo
ที่พักแถว Sapporo >>> ขับรถประมาณ 43 นาที <<< คลองโอตารุ >>>ขับรถประมาณ 4 นาที <<< นาฬิกาไอน้ำโบราณ >>> เดิน 1 นาที <<< พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี >>> ขับรถประมาณ 45 นาที <<< ย่านทานุกิ >>> ขับรถประมาณ 54 นาที <<< กลับสนามบิน CHITOSE AIRPORT
ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปกัน…….

หมู่บ้านดาเตะจิไดมุระ (Noboribetsu Date Jidaimura)
พาทุกท่านย้อนไปสู่เมืองโบราณสมัยเอโดะ ภายในหมู่บ้านมีการจัดแสดงโชว์นินจา รวมถึงละครย้อนยุคแนวคอมเมดี้ ให้ทุกท่านได้สนุกเพลิดเพลิน ไปกับโชว์ พร้อมกับซึมซับบรรยากาศการจำลองบ้านเมืองและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นสมัยนั้น ซึ่งท่านยังสามารถเช่าชุดกิโมโน หรือชุดนินจาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้คนแต่งตัวเป็นพ่อค้า ซามูไร นินจา เดินไปมา สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน และมีการแสดงวัฒนธรรมแบบชาวเอโดะให้ทุกท่านได้ชมกัน
หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu )
ถือเป็นแหล่งกำเนิดออนเซนดีที่สุดบนเกาะฮอกไกโด โดยที่นี่มีทั้งบ่อโคลน และ บ่อน้ำร้อนที่เดือดตามธรรมชาติกระจายไปทั่วบริเวณให้ความรู้สึกเหมือนนรกที่มีควันร้อนๆจากกระทะทองแดงออกมาอยู่ตลอดเวลา ทำให้หุบเขาเเห่งนี้มีชื่อเรียกกันติดปากในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่า “หุบเขานรก” โดยจะมีจุดเด่นอยู่ที่การมีเเร่ธาตุกำมะถันในปริมาณที่มาก เเละทำให้น้ำมีสรรพคุณต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนี้ในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะทำให้มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เเละช่วยสร้างสีสันให้กับการมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
โรงงานชีสฟูราโน่ (Furano Cheese Factory)
แหล่งผลิตชีสคุณภาพชั้นยอดอันขึ้นชื่อของเมืองฟูราโน่ ชีสที่ถือเป็นไฮไลต์ที่แปลกแบบสุดๆของที่นี่ก็คือ ชีสดำ ซึ่งถือว่าเป็นชีสพิเศษที่หาทานได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เป็นสีดำก็ไม่ได้มาจากสารปรุงแต่งที่เป็นอันตรายกับร่างกายแต่อย่างใด แต่เป็นสีจากสีหมึกดำของปลาหมึกนี่เอง นอกจากนี้ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าไปชมขั้นตอนการผลิตชีส ตลอดจนลองชมรสชาติของชีสคุณภาพชนิดต่างๆ และได้ประสบการณ์การทำไอศครีมหรือเนย เรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากนมผ่านมุมต่างๆ ภายในอาคารยังมีคาเฟ่ไอศครีมไขมันต่ำ และยังสามารถทานพิซซ่าที่อบจากเตาเผาหินได้อีกด้วย
ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)
สัมผัสความงามของทุ่งลาเวนเดอร์ เมือง ฟุราโน ไฮไลท์อยู่ที่ทุ่งดอกไม้หลากสีสัน เรียงสีสวยงามราวกับสายรุ้ง จนได้ชื่อว่าเป็น “จุดชมดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของเมืองฮอกไกโด” เนื่องจากมีวิวทิวทัศที่สวยงามมีฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ (Tokachi mountain) นอกจากนี้ในฟาร์มโทมิตะยังมีโรงงานเล็กๆ สาธิตกระบวนการเอาดอกลาเวนเดอร์มาสกัดเป็นหัวน้ำหอม หรือการนำไปแต่งกลิ่นอาหาร เช่น ไอศครีมลาเวนเดอร์ (ต้องลอง!!) และสามารถเลือกซื้อสินค้าจากลาเวนเดอร์กลับเป็นของฝากได้อีกด้วย
บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond)
ชมความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำที่มีความสวยแตกต่างจากบ่อน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ เนื่องจากความงามของน้ำที่บ่อมีสีฟ้าสดกว่าบ่อน้ำทั่วไป เพราะอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์จากการปะทุของภูเขาไฟที่อยู่ในน้ำได้สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา และยังมีตอไม้สูงต่ำที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้บ่อน้ำแห่งนี้โดดเด่นน่าไปเที่ยวชม ความสดใสของสีฟ้าจากผืนน้ำจะขึ้นอยู่แสงแดดที่ส่องลงมาและจุดที่มอง
พิพิธภัณฑ์หิมะและน้ำแข็งคะมิคะวะ (Kamikawa Ice Pavilion)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ความหนาวเย็นแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเหมือนเป็นโลกน้ำแข็งแสนสวย โดยทางเดินอุโมงค์น้ำแข็งที่ประดับประดาด้วยไฟสวยงาม รวมถึงบาร์น้ำแข็ง และถ้ำจำลองหินงอกหินย้อย เป็นประกายวิ้งวับราวกับกากเพชร นอกจากนั้นยังมีสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ใต้น้ำแข็ง เช่น คลิโอเนะ (Clione) หรือที่รู้จักกันในชื่อผีเสื้อทะเลให้ชมกันอีกด้วย จุดที่เป็นไฮไลท์ที่คนอยากทดสอบความหนาว หรืออยากลิ้มลองความหนาวระดับโหดต้องลองก็คือ ห้องที่จำลองเป็นโลกน้ำแข็งที่มีอุณหภูมิภายในต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส บอกเลยว่าหนาวสุดๆ
สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo)
สัมผัสการชมสวนสัตว์รูปแบบแปลกใหม่ไม่เหมือนใครในเมือง อะซาฮิกาว่า ด้วยการออกแบบพื้นที่จัดแสดง ทำให้สามารถมองเห็นสัตว์น้อยใหญ่ได้ในทุกอิริยาบถ นอกจากนี้ยังสามารถชมการให้อาหารสัตว์ในช่วง “Mogu Mogu Time” อีกด้วย ไฮไลท์เด็ดของที่นี่นั่นก็คือ “อุโมงค์แก้วเพนกวิน” ซึ่งจะเป็นอุโมงค์ที่จะผ่านบริเวณสระว่ายน้ำของเจ้าฝูงเพนกวินทั้งหลาย ทำความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปใกล้ชิดกับเจ้าเพนกวิน อีกส่วนหนึ่งที่ดีงามไม่แพ้กันก็คือ “โดมแก้วขนาดเล็ก” ซึ่งจะตั้งอยู่ตรงกลางของโซนหมีขั้วโลกและหมาป่า จึงทำให้เราเห็นเจ้าสัตว์ไม่ได้ง่ายๆอย่างหมีขั้นโลกและหมาป่ากันแบบระยะใกล้ๆ
หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า (Asahikawa Ramen Village)
ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนเมือง Asahikawa สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลย คือการทานราเมนต้นตำรับแท้สไตล์ของฮอกไกโดที่ “หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า” ราเมนของที่นี่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และได้รับการกล่าวขานถึงความอร่อยมายาวนานกว่าทศวรรษ โดยหมู่บ้านนี้จะรวมร้านราเมงเด็ดๆของเมืองภายใต้หลังคาเดียวกันไว้ถึง 8 ร้าน นอกจากนี้ราเมนยังมีวัฒนธรรมการทานที่เราควรรู้ไว้ คือ ต้องใช้ตะเกียบคีบเส้นและเครื่องเคียงแล้วเอาเข้าปากเลย ช้อนมีไว้สำหรับซดน้ำซุปเท่านั้น และถ้าราเมนร้านไหนอร่อยมากๆจะนิยมยกชามขึ้นมากซู้ด….เสียงดังเป็นการให้สัญญาณกับพ่อครัวว่า “ราเมนอร่อยมากกก” ยิ่งดังเท่าไหร่ยิ่งอร่อยมากเท่านั้น
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)
ร่วมสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองซัปโปโร และรูปแบบอาคารสไตล์ตะวันตกที่ถือว่าเป็นอาคารเก่าแก่ที่สุดในเมือง ปัจจุบันตัวอาคารได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราว ผ่านการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณที่หาชมได้ยาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนหัวใจของเมืองซัปโปโรเลยที่เดียว นอกจากนี้นาฬิกาซัปโปโรยังถูกยกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรม และได้รับการรับรองว่าเป็นมรดกทางวิศวกรรมเครื่องกลของญี่ปุ่นในปีพ. ศ.2552
คลองโอตารุ (Otaru Canal)
แลนมาร์คที่สำคัญที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่เดินทางมาถึงเมืองโอตารุ นั่นคือ คลองโอตารุ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ขนถ่ายสินค้าจากเรือจำนวนมาก สร้างขึ้นเมื่อปี 1923 ปัจจุบัน ครึ่งหนึ่งของคลองถูกถม และปรับเปลี่ยนเป็นทางเดินที่มีโคมไฟแก๊ส มีคลังสินค้าจำนวนมาก ซึ่งทำจากอิฐและหินซัปโปโร เหลืออยู่ทั้งสองฝั่งของคลองโอตารุ ทำให้นึกถึงการดำเนินชีวิตในสมัยก่อน บริเวณรอบๆคลองที่มีโกดังเป็นฉากหลัง เป็นวิวถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน ในตอนกลางคืนจะมีไฟเปิดรอบๆคลอง ทำให้ได้บรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก
นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Otaru Clock Tower)
เมืองโอตารุมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีของโอตารุ นั่นก็คือ “นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Stream Clock)” เป็นนาฬิกาไอน้ำโบราณสไตล์อังกฤษ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 เรือนบนโลกเท่านั้น ซึ่งเป็นของที่ระลึกที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้แก่เมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น นาฬิกานี้จะพ่นไอน้ำประกอบกับมีเสียงดนตรีดังขึ้นทุกๆ 15 นาที
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Music Box Museum)
พิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นแหล่งรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายสไตล์ ลักษณะเป็นอาคารเก่าแก่ 3 ชั้น ภายนอกถูกสร้างขึ้นจากอิฐแดง และโครงสร้างภายในทำด้วยไม้ สร้างขึ้นในปี 1910 โดยได้รับอิทธิพลจากชาวยุโรปที่เข้ามาตั้งรกรากที่นี่ในสมัยก่อน จนในปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งผลิตกล่องดนตรีที่มีอายุร้อยกว่าปีที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นเลย
ชั้น 1 มีพื้นที่มากที่สุด เป็นโซนจำหน่ายของที่ระลึกและกล่องดนตรีสำเร็จรูปหลากสไตล์ให้เลือกตามความสนใจ
ชั้น 2 จะเป็นส่วนของการแสดงประวัติความเป็นมาของกล่องดนตรีแต่ละยุคสมัย รวมทั้งมีกล่องดนตรีที่มีความหรูหราเป็นแบบฉบับดั้งเดิมให้เลือก
ชั้น 3 นักท่องเที่ยวสามารถมาประดิษฐ์กล่องดนตรีได้ด้วยตัวเองที่ชั้นนี้ เพียงแค่เลือกเพลงจากรายการเพลงทั้งหมด นำมาใส่กล่องและเลือกตุ๊กตาเซรามิกซึ่งก็มีหลากหลายแบบ จากนั้นนำมาประกอบเป็นกล่องดนตรีของตัวเอง
ย่านทานุกิ (Tanuki Koji)
ย่านทานุกิ เป็นแหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก เหมาะสำหรับจับจ่ายซื้อหาของฝากจากฮอกไกโด ซึ่งแหล่งชอปปิ้งที่อยู่ภายใต้หลังคาคลุมยาวระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ถูกแบ่งเป็น 7 ส่วนหรือ 7 บล็อค สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายสินค้ามากมายกว่า 100 ร้าน ทั้งร้านขนม อาหาร ยา เสื้อผ้า รองเท้า ABC Mart หรือแม้แต่ร้าน Don Quijote และที่นี่ยังเป็นที่จัดกิจกรรมเทศกาลต่างๆ อย่างเช่น เทศกาลทะนุกิ ในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งเป็นจุดรวมพลของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
นี่…!! เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการขับรถเที่ยวฮอกไกโดช่วงฤดูร้อนเท่านั้นะคะ ที่จริงแล้วฮอกไกโดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย และแต่ละฤดูกาลก็จะมีเอกลักษญ์ของสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไปค่ะ


ใครที่ต้องการรถเช่าไปขับช่วงฤดูร้อนนี้ที่ฮอกไกโด สามารถ ติดต่อ จองรถเช่าได้ที่ EASY AND SAVE นะคะ ที่ปรึกษาและตัวแทนโตโยต้าแห่งแรกในไทยคร้าาาๅๅๅๅ